คิดนอกกรอบ: การถ่ายภาพด้วยเทคนิคเชิงสร้างสรรค์กับอาร์จุน เมนน
“กล้อง Alpha ของผมคือสมบัติที่ไม่มีอะไรมาแทนที่ได้ในการทำให้มโนภาพสร้างสรรค์ของผมกลายเป็นจริง”
Article Categories
อาร์จุน เมนน ช่างภาพมืออาชีพผู้โด่งดังและมีชื่อเสียงด้านความสร้างสรรค์ในการถ่ายภาพ ผลงานจากฝีมือของเขาได้รับเสียงชื่นชมอย่างมาก แม้ว่าเขาจะเชี่ยวชาญเป็นพิเศษในการถ่ายภาพรถยนต์และการท่องเที่ยว แต่สไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ในการสร้างสรรค์ฉากจากของใช้ทั่วไปภายในบ้านก็ทำให้เขาได้รับความสนใจและคำชมเชยอย่างมากเช่นกัน ช่างภาพผู้มีความสามารถรอบด้านจะมาพูดคุยเกี่ยวกับเทคนิคของเขา รวมทั้งขั้นตอนในการสร้างสรรค์ผลงาน ตลอดจนการตั้งค่ากล้องเพื่อให้ภาพถ่ายของเขาออกมาดูสวยโฉบเฉี่ยว
แม้ว่าจะมีความเชี่ยวชาญและมากด้วยประสบการณ์ แต่ช่างภาพมืออาชีพคนนี้จะเน้นย้ำเสมอว่าความท้าทายในการถ่ายภาพนั้นรวมอยู่ในงานอยู่แล้ว การถ่ายภาพแต่ละประเภทมีความท้าทายในตัวเอง และช่างภาพต้องหาวิธีที่จะจัดการให้ได้
“การถ่ายภาพแต่ละประเภทจะมาพร้อมความท้าทายเฉพาะตัวในแบบของมัน สำหรับการถ่ายภาพการท่องเที่ยว สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องพิจารณาสภาพอากาศในวันที่คุณถ่ายภาพ เพราะจะให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันอย่างมากต่อภาพถ่ายของคุณ ยกตัวอย่างเช่น การไปแอนตาร์กติกาในฤดูร้อนจะมีแสงในตอนกลางวันมากพอให้คุณได้ถ่ายภาพ อย่างไรก็ดี ในฤดูหนาวจะมีแสงใต้หรือ Aurora Australis ซึ่งให้มุมมองที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิงเพราะมันมองเห็นได้ยากมาก” อาร์จุนกล่าว

ช่วงเวลาที่ต่างกันของปีหรือเดือนจะหมายถึงการได้พบเห็นความหลากหลายของสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ เขาเล่าว่าเมื่อทำงานกับหน่วยงานการท่องเที่ยว มักต้องมีการวางแผนแคมเปญตลอดช่วงฤดูเก็บเกี่ยวเสมอเพื่อหลีกเลี่ยงสภาพอากาศที่ไม่พึงประสงค์ที่อาจพบเจอ
“ในขณะที่การถ่ายภาพรถยนต์นั้น เนื่องจากเป็นการถ่ายภาพวัตถุที่มีขนาดใหญ่ตั้งแต่รถเก๋งไปจนถึงรถบรรทุก สิ่งสำคัญคือคุณต้องขออนุญาตเข้าใช้งานสถานที่ให้ได้เสียก่อน สำหรับภาพรถยนต์ที่กำลังเคลื่อนที่ สิ่งสำคัญคือต้องใช้ความเร็วชัตเตอร์และระยะชัดที่เหมาะสมเพื่อให้แน่ใจได้ว่าวัตถุจะอยู่ในโฟกัส รวมทั้งมีโมชั่นเบลอมากพอในส่วนของสภาพแวดล้อมด้วย ในการกำจัดแสงสะท้อนที่ไม่เป็นที่ต้องการ โดยเฉพาะกับสภาพแวดล้อมในเมือง ผมชอบใช้ตัวกรองแสงโพลาไรเซอร์ครับ” เขาบอก

อีกหนึ่งความท้าทายที่เขาต้องเจอในการถ่ายภาพรถยนต์ก็คือ การถ่ายภาพรถยนต์สีเมทัลลิกมันวาวที่ต้องถ่ายสีของรถให้ออกมาอย่างถูกต้อง อาร์จุนเล่าว่ามันเป็นงานที่ต้องใช้เวลามากเพราะต้องระวังเรื่องการจัดแสงให้กับรถยนต์โดยที่แหล่งกำเนิดแสงต้องไม่สะท้อนที่ภายนอกรถ เนื่องจากภาพเหล่านี้คือภาพลักษณ์ของสินค้า ดังนั้น การไม่เข้าไปวุ่นวายกับสีเดิมของรถยนต์จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก เพื่อเป็นการรับประกันความถูกต้องของสี เขาเน้นว่าการใช้สมดุลแสงสีขาวให้เหมาะสมเป็นเรื่องสำคัญมาก
เมื่อทำงานร่วมกับแบรนด์ต่าง ๆ อาร์จุนใช้วิธีการสื่อสารให้เห็นถึงข้อดีของสินค้าผ่านการเล่าเรื่องด้วยภาพเช่นกัน การจัดองค์ประกอบของภาพด้วยการเว้นพื้นที่ว่างรอบ ๆ ตัวแบบ หรือที่เรียกว่า Negative space ทำให้เขาสามารถเพิ่มก้อนเมฆเข้าไปในเฟรมแบบเหนือจริงได้ในภายหลัง “สภาพแวดล้อมของภาพที่มีช่วงไดนามิกสูง (High Dynamic Range Image หรือ HDRI) (โดยใช้ภาพแบบ 360 ที่มีความลึกของสี 16 บิต) จะทำให้สามารถบันทึกทิศทางและความเข้มของแสงแล้วรวมไว้ในซอฟต์แวร์การสร้างภาพ 3 มิติได้ วิธีนี้ช่วยเปลี่ยนภาพแบบเรียบให้เป็นแบบจำลอง 3 มิติ และทำให้สามารถเพิ่มก้อนเมฆที่มีความลึกไว้ในฉากได้ เมื่อได้องค์ประกอบของภาพที่สมบูรณ์แล้ว จะเป็นการเก็บรายละเอียดในซอฟต์แวร์การตัดต่อซึ่งจะทำให้ภาพที่ได้ดูสมจริง ในกรณีนี้ ก้อนเมฆจะเป็นการบรรยายถึงคุณลักษณะของสินค้า นั่นคือความสบายขณะขับขี่ ซึ่งเป็นจุดขายหลักที่ทางแบรนด์ภาคภูมิใจ"

“การสร้างสรรค์ภาพนี้มีขั้นตอนที่น่าสนใจมาก ขั้นแรกคือการเลือกสถานที่และมุมของรถยนต์ ภาพนี้จะใช้ทั้งการวาดแสง RGB เป็นภาพ ไฟแฟลชจำนวนมาก การควบคุมสภาพธรรมชาติของสถานที่ถ่ายทำ และแน่นอนว่าต้องมีกล้องที่ทรงพลังด้วยครับ ไฟต้องมีกริดทรงรังผึ้งและติดตั้งไว้บนแท่นอย่างพิถีพิถัน เพื่อที่เราจะได้ให้แสงส่องไปยังจุดใดจุดหนึ่งบนรถยนต์โดยเฉพาะเพื่อเน้นคุณลักษณะสำคัญของรถ” อาร์จุนอธิบาย
“เส้นแนวตัวถังที่ดุดัน กระจังหน้า และยางรถ เป็นส่วนหนึ่งของจุดที่ต้องเพิ่มความระมัดระวัง เมื่อจบการทดลองถ่ายภาพและกำหนดค่าการรับแสงที่เหมาะสมได้แล้ว จะเป็นการกำหนดค่าการรับแสงสุดท้าย สำหรับภาพนี้ จะใช้ทั้งการเปิดรับแสงเป็นเวลานานและการรับแสงแฟลชรวมกันเพื่อให้ได้ภาพอย่างที่เห็นในรูปนี้ครับ” เขากล่าวเสริม

ในการถ่ายภาพแบบเคลื่อนกล้องตามรถยนต์ของอาร์จุน ส่วนใหญ่แล้วเขาจะใช้โหมดถ่ายต่อเนื่อง 30 เฟรมต่อวินาที (FPS) โดยเฉพาะภาพนี้ จะเป็นการถ่ายภาพตอนกลางคืนในสถานที่จริง ซึ่งทำให้ต้องเพิ่มการเคลื่อนไหวในขั้นตอนการตัดต่อด้วย
ชุดหนังสือการ์ตูน
ในฐานะที่เป็นนักสะสมแอ็กชันฟิกเกอร์ตัวยงและแฟนพันธุ์แท้หนังสือการ์ตูน ผนวกกับความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่เหมือนใคร อาร์จุนคิดว่าการเล่าเรื่องราวของการ์ตูนผ่านภาพถ่ายของเขานั้นเป็นความคิดที่ยอดเยี่ยม เขาได้แนวคิดนี้มาในช่วงที่เริ่มเกิดการระบาดครั้งใหญ่ของโควิด และจากการที่ต้องติดอยู่ในบ้านตลอดเวลา เขาจึงทำการทดลองกับสิ่งของภายในบ้านและคิดหาวิธีรวมสิ่งเหล่านี้เข้ากับโปรเจกต์ภาพถ่ายในบ้านของเขา
“ภาพชุดพิเศษนี้เป็นผลผลิตจากสถานการณ์พิเศษ ขณะที่ทั่วโลกออกกฎให้ผู้คนอยู่แต่ในบ้านช่วงที่โควิดระบาด แต่ในฐานะช่างภาพเชิงสร้างสรรค์ ผมเลยขอท้าทายตัวเอง ผมอยากรวมชุดทักษะในการจัดวางองค์ประกอบจากการถ่ายภาพการท่องเที่ยว เทคนิคการจัดแสงจากการถ่ายภาพหมวดยานยนต์ การกำกับศิลป์เชิงสร้างสรรค์จากประสบการณ์ในการออกแบบฉาก และที่ขาดไม่ได้เลยคือความรักที่ผมมีให้กับหนังสือการ์ตูนทั้งหลาย”

Batcave 2030 ของอาร์จุนถ่ายที่บ้าน โดยสร้างจากแอ็กชันฟิกเกอร์ แบบจำลอง และเศษวัสดุเชิงเทคนิค
“'Batcave 2030' คือรูปร่างหน้าตาของถ้ำค้างคาวในอนาคตจากการตีความของผมเอง อุปกรณ์เสริมสุดเท่ทั้งหมดนั้นทำให้มันดูเหมือนเวิร์กชอปหรือโรงรถอเนกประสงค์มากกว่าของจัดแสดงแนวเพ้อฝัน ผมจินตนาการไปถึงขั้นที่ว่าบรูซเป็นคนสร้าง รวมถึงหมกตัวอยู่ในนี้เพื่อซ่อมและออกแบบอุปกรณ์ใหม่ ๆ” อาร์จุนเล่า
ช่างภาพเชิงสร้างสรรค์จะสนุกกับการออกแบบฉาก โดยเฉพาะเมื่อเป็นฉากที่เขาคุ้นเคยจากภาพยนตร์และการ์ตูนเรื่องโปรด “ผมคิดว่าสภาพแวดล้อมมีบทบาทในฉากมากพอ ๆ กับตัวละคร ฉากที่ถูกออกแบบมาให้ดูน่าสนใจ อุปกรณ์ประกอบฉากที่พบเห็นได้ในชีวิตประจำวันแต่จัดวางอย่างพิถีพิถันในตำแหน่งที่กำหนดไว้ สิ่งเหล่านี้จะช่วยบรรยายภาพได้เป็นอย่างดี” เขาอธิบาย
เนื่องจากฉากส่วนใหญ่ในหนังสือการ์ตูนของเขาจะเป็นการถ่ายภาพขนาดเล็ก เขาจึงสามารถสร้างสรรค์โลกในมโนทัศน์อันแสนอลังการได้อย่างอิสระ เขาเริ่มด้วยการนึกภาพของฉาก จากนั้นจึงสำรวจบ้านตัวเองเพื่อหาสิ่งของทั่ว ๆ ไปที่สามารถเอาไปใช้ในโลกจินตนาการใบจิ๋วของเขาได้ซึ่งจะเป็นการเพิ่มองค์ประกอบที่น่าสนใจให้กับฉาก ขั้นต่อไปคือการจัดวางของทุกชิ้นเข้าด้วยกันอย่างพิถีพิถัน ในขั้นตอนนี้ สิ่งสำคัญคือต้องจัดมุมและท่าทางไม่ให้เห็นข้อต่อและสกรูของแอ็กชันฟิกเกอร์ ในขณะเดียวกันก็ต้องทำให้แน่ใจด้วยว่าจะไม่ทำให้ตัวละครเสียบุคลิกภาพไป
สำหรับองค์ประกอบเสริมอื่น ๆ ในภาพ อาร์จุนตัดสินใจใช้เอฟเฟกต์เพื่อให้ดูสมจริงยิ่งขึ้น “ผมจัดแสงในฉากโดยใช้ทั้งไฟส่องต่อเนื่องและไฟแฟลชรวมกัน สำหรับเอฟเฟกต์ฝนหรือหมอก ผมถ่ายภาพสเปรย์ฉีดผมหรือไม่ก็เตารีดไอน้ำ (ควัน) กับแฟลช ผมพยายามใช้เทคนิคที่มีการทำงานน้อยที่สุดครับ” เขากล่าว
การนำสิ่งของธรรมดาทั่วไปมาใช้ในเชิงสร้างสรรค์เปลี่ยนมุมมองของอาร์จุนไปอย่างน่าสนใจ เพราะมันทำให้เขาสามารถสร้างสรรค์โลกและโครงเรื่องเหนือจริงในบ้านของเขาเองได้โดยสะดวก และยังได้แบ่งปันฉากอันน่าอัศจรรย์เหล่านี้ให้โลกได้เห็น
ความคิดสร้างสรรค์ของอาร์จุนและเครื่องมือของ Sony ที่เขาไว้วางใจ
เมื่อพูดถึงงานส่วนใหญ่ของอาร์จุน เขามอบความไว้วางใจให้กับกล้อง Alpha 1 และ Alpha 6600 ในการผลิตผลงานเชิงสร้างสรรค์ของเขาเสมอ
“Sony มีชื่อเสียงมากในเรื่องของประสิทธิภาพการลดนอยส์ที่ยอดเยี่ยมเมื่อถ่ายภาพในที่ที่มีแสงน้อยและช่วงไดนามิกของกล้อง โดยส่วนตัวแล้วผมใช้กล้อง Alpha 1 และ Alpha 6600 ได้มากกว่าจุดแข็งพวกนี้นะครับ สำหรับ Alpha 1 นั้นเป็นกล้องไฮบริดรุ่นเรือธงที่ให้ภาพที่มีคุณภาพดีเยี่ยม ผมจึงสามารถใช้ประโยชน์จากส่วนนี้ในการถ่ายภาพแคมเปญโฆษณาระดับโลก รวมถึงงานสารคดีระดับมืออาชีพที่ได้รับการตีพิมพ์ในสื่อต่าง ๆ มากมาย” เขาบอก
กล้องรุ่นใหม่ ๆ ของ Sony นั้นมีความแข็งแรง กะทัดรัด และมีคุณสมบัติใหม่ล่าสุดอย่างครบถ้วน จึงเป็นคู่หูที่ดีที่สุดในการสร้างสรรค์ผลงานแม้ในสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวย ตามที่อาร์จุนบอกไว้ การ์ด C-fast ของ Sony มีอัตราการถ่ายโอนข้อมูลสูงอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งจะเป็นประโยชน์มากกับการถ่ายภาพเชิงพาณิชย์ที่มีเวลาครบวงงานที่รีบเร่ง

สำหรับการถ่ายภาพวัตถุที่มีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เขาวางใจในคุณสมบัติการถ่ายต่อเนื่องที่ความเร็วสูงในกล้อง Alpha 1 ซึ่งช่วยให้เขาถ่ายภาพได้ด้วยอัตรา 30 FPS คุณสมบัติข้อนี้ทำให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่าจะไม่พลาดฉากสำคัญแม้เพียงเสี้ยววินาที
“กล้อง Sony Alpha ของผมคือสมบัติที่ไม่มีอะไรมาแทนที่ได้ในการทำให้มโนภาพสร้างสรรค์ของผมกลายเป็นจริง พวกมันเกิดมาเพื่อผม เหมือนที่เนยถั่วต้องคู่กับเยลลี่ และเจย์ก็ต้องคู่กับวีรูนั่นแหละครับ” อาร์จุนกล่าว