Alpha 7 IV โดย Sony ก้าวข้ามคำว่า “พื้นฐาน” ด้วยเซนเซอร์ภาพแบบฟูลเฟรมที่ 33 เมกะพิกเซล รวมทั้งความสามารถในการจับภาพและวิดีโออันโดดเด่น
(เอเชียแปซิฟิก 21 ตุลาคม 2021) – Sony ได้ประกาศผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มถ่ายภาพ 3 ตัววันนี้อย่างกล้องเลนส์แบบเปลี่ยนได้ Alpha 7 IV (ILCE-7M4) ด้วยความคมชัดพัฒนาใหม่ 33 เมกะพิกเซล (ค่าประมาณในระดับที่ได้ประสิทธิภาพ)
เซนเซอร์ภาพฟูลเฟรม และแฟลชใหม่ 2 ตัว HVL-F60RM2 รวมทั้ง HVL-F46RM
Alpha 7 IV ยกระดับ “พื้นฐาน” ขึ้นไปอีกขั้นสำหรับกล้องฟูลเฟรมด้วยคุณภาพและประสิทธิภาพของภาพถ่ายชั้นเลิศ พร้อมกับพลิกโฉมมาตรฐานเดิมที่กำหนดไว้โดย Alpha 7 III รุ่นใหม่นี้ประกอบด้วยคุณสมบัติที่เทคโนโลยีแสดงภาพขั้นสูงสุดหลายชิ้นของ Sony รวมถึงเอนจิ้นการประมวลผล BIONZ XR™ ใหม่ล่าสุดและความสามารถ AF ขั้นสูงที่พัฒนาขึ้นโดยอิงตามรุ่น Alpha 1 เรือธง ซึ่งผสานรวมความสามารถในการควบคุมอย่างไหลลื่นและความน่าเชื่อถือยิ่งขึ้นสำหรับภาพถ่ายและภาพยนตร์ จึงทำให้กล้องตัวนี้มีความอเนกประสงค์และเหมาะในทุกมุมกับผู้หลงใหลในการถ่ายภาพและมืออาชีพที่ต้องถ่ายทำในทุกสถานการณ์ นอกจากนี้ Alpha 7 IV ยังมีความละเอียดถึง 33 MP ถ่ายทอดอารมณ์ในภาพยนตร์ได้อย่างเต็มอรรถรส และมีคุณสมบัติอีกมากมายเพื่อรองรับความต้องการสื่อสารทางไกลที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับว่าเป็นการกำหนดนิยามใหม่ให้กับสิ่งที่กล้อง “พื้นฐาน” ทำได้
Yasufumi Machitani ผู้จัดการทั่วไปฝ่าย Digital Imaging แห่ง Sony Electronics Asia Pacific กล่าวว่า “เรานำเจ้า Alpha 7 III มาเป็นตัวกำหนดสิ่งที่กล้องฟูลเฟรมควรทำได้เป็นมาตรฐาน และตอนนี้ก็ถึงเวลาพลิกโฉมขอบเขตนั้นใหม่แล้วล่ะครับ นั่นก็เพราะเจ้า Alpha 7 IV ได้รวบรวมสุดยอดแห่งเทคโนโลยีถ่ายภาพของ Sony มาไว้ด้วยกันเพื่อมอบประสบการณ์ชั้นเยี่ยมทั้งในภาพนิ่งและวิดีโอ นั่นหมายความว่าผู้ใช้จะได้บันทึกเนื้อหาอย่างที่ใจต้องการเป๊ะๆ ไม่ว่าตัวเองจะอยู่ในสถานการณ์ไหนๆ”
Alpha 7 IV: นวัตกรรมไม่มีวันสิ้นสุด
Alpha 7 IV ตัวใหม่ถือเป็นกล้องไฮบริดขั้นสุดยอดที่เพียบพร้อมมาด้วยคุณสมบัติการจับภาพนิ่งชั้นเลิศและยกระดับเทคโนโลยีวิดีโอด้วยออโต้โฟกัสขั้นสูง ฟังก์ชันการใช้งานราบรื่นขึ้น และความสามารถในการจัดการเวิร์กโฟลว์ นอกจากนั้น กล้องรุ่นนี้ยังได้รับการพัฒนาขึ้นมาโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นหลอก และใช้พลาสติกรีไซเคิลที่คิดค้นโดย Sony อย่าง SORPLAS™ ในการผลิตตัวกล้อง รวมทั้งประกอบบรรจุภัณฑ์ด้วยวัสดุรีไซเคิลได้1 และใช้พลาสติกน้อยลง
คุณภาพของภาพโดดเด่น
เซนเซอร์ภาพ Exmor R™ CMOS แบบมีแสงด้านหลังและฟูลเฟรม 33MP ที่พัฒนาขึ้นใหม่นี้ ช่วยจับภาพด้วยคุณภาพที่เหนือกว่า และช่วงความไว ISO กว้างโดยสามารถขยายได้ถึง ISO 50-204800 ความละเอียดสูงช่วยให้กล้องนำเสนอภาพของวัตถุได้อย่างนุ่มนวลในด้านการไล่ระดับ รายละเอียดเจาะจง และพื้นผิวต่างๆ พร้อมทั้งลดจุดรบกวน (Noise) ช่วงไดนามิก 15-Stop ช่วยให้ภาพแสดงอารมณ์ได้กว้างขึ้นในขณะที่การตั้งค่า Creative Look ช่วยสร้างรูปลักษณ์ในแบบของคุณเองได้อย่างง่ายดายทั้งในภาพนิ่งและวิดีโอ
ประสิทธิภาพ AF เหนือระดับ
เอนจิ้นการประมวลผลล่าสุด BIONZ XR™ ที่ใช้ใน Alpha 1 เรือธงนี้เป็นแรงขับเคลื่อน AF ความเร็วสูง การถ่ายภาพต่อเนื่องอย่างไม่สะดุดที่ 10 เฟรม/วินาที2 พร้อมการติดตาม AF/AE และบัฟเฟอร์ขนาดใหญ่เพื่อการถ่ายทำอย่างราบรื่น Alpha 7 IV ติดตามวัตถุด้วยระบบโฟกัสภาพต่อเนื่องแบบเรียลไทม์สมรรถนะสูงและจุด AF ตรวจจับระยะห่าง 759 ในระบบ AF ตรวจจับระยะห่างระนาบโฟกัสความหนาแน่นสูงที่ครอบคลุมพื้นที่รูปภาพประมาณ 94% ยิ่งไปกว่านั้น นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ระบบโฟกัสดวงตาแบบเรียลไทม์สามารถติดตามดวงตาของนกและสัตว์ต่างๆ ได้ทั้งสำหรับภาพนิ่งและภาพยนตร์ โดยเสริมมาจากดวงตาคนเช่นกัน ความแม่นยำในการตรวจจับใบหน้าและดวงตามนุษย์พัฒนาขึ้นประมาณ 30% เมื่อเทียบกับ Alpha 7 III
เทคโนโลยีภาพยนตร์แห่งอนาคต
Alpha 7 IV สืบทอดเทคโนโลยีจากกองถ่ายทำภาพยนตร์จริง รวมถึง S-Cinetone™ ซึ่งรับช่วงต่อมาจากกล้อง Cinema Line อันเป็นที่ยกย่องของ Sony และเป็นที่นิยมกันในบรรดาผู้สร้างภาพยนตร์และคอนเทนต์ครีเอเตอร์มากมาย เพื่อถ่ายทอดลักษณะภาพที่มีความเป็นภาพยนตร์เต็มอรรถรสแท้จริง ระบบภายในถ่ายภาพยนตร์คุณภาพสูงได้ที่คุณภาพ 4K 60p ในโหมด Super 35 มม. และบันทึกได้สูงสุด 4K 30p ด้วยโอเวอร์แซมปลิงระดับ 7K ในโหมดฟูลเฟรม อีกทั้งกล้องตัวใหม่นี้ยังมาพร้อมกับแซมปลิงสี 4:2:2 ที่ความลึก 10 บิตเพื่อการไล่ระดับที่เป็นธรรมชาติ การเข้ารหัสภายในเฟรมเพื่อเวิร์กโฟลว์การแก้ไขที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และ XAVC HS™ เพื่อประสิทธิภาพการบีบอัดเพิ่มอีก 2 เท่า
เพื่อตอบโจทย์ความต้องการประสิทธิภาพ AF (Autofocus - โฟกัสอัตโนมัติ) ขณะถ่ายทำวิดีโอที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้ใช้จึงเข้าถึงคุณสมบัติ AF อันเป็นเอกลักษณ์ได้เมื่อใช้ Alpha 7 IV พร้อมเลนส์ E-Mount ของ Sony ซึ่งรวมถึง AF Assist3 ที่รองรับการเปลี่ยนโฟกัสเมื่อใช้ AF และ Focus Map ที่แสดงภาพระยะชัดลึก นี่เป็นครั้งแรกของกล้องซีรีส์ Alpha ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติการชดเชยการหายใจ4 เพื่อคุมการหายใจของโฟกัสและรักษามุมมองภาพให้สม่ำเสมอตลอดช่วงการเปลี่ยนแปลงโฟกัส โดยที่เปิดหรือปิดได้
ความสามารถในการควบคุมได้ขั้นสูงในรุ่นไฮบริดอย่างแท้จริง
Alpha 7 IV เป็นกล้องถ่ายภาพนิ่งและภาพยนตร์แบบไฮบริดพร้อมความสามารถในการควบคุมและความน่าเชื่อถือได้อย่างเหนือฉัน ซึ่งให้ผู้ใช้สลับโหมดภาพถ่ายและภาพยนตร์กันได้สะดวก ส่วนที่เสริมมาใหม่ในแค็ตตาล็อกกล้อง Alpha คือแป้นหมุน Dual Layer โดยมีเลเยอร์ด้านล่างไว้สำหรับเลือก Still/Movie/S&Q และด้านบนไว้สำหรับ Auto/P/A/S/M และ MR (Memory Recall - บันทึกการตั้งค่า) ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้เลือกและสลับไปมาระหว่างการตั้งค่าเฉพาะได้ ตัวกล้องยังมีการป้องกันภาพสั่นไหวในตัว 5 แกนแบบออปติคอลสำหรับ Speed Advantage ของชัตเตอร์ 5.5-Step ไปจนถึงกริ๊ปออกแบบใหม่เพื่อความสบายมือยิ่งกว่าและช่องเสียบมีเดียที่เข้ากันได้กับ CFexpress Type A เพื่อรองรับสื่อได้พร้อมเขียนและลบข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนั้น ช่องมองภาพ OLED Quad-VGA ที่ 3.68 ล้านพิกเซล (ประมาณ) มีความละเอียดสูงกว่าช่องมองภาพของ Alpha 7 III ถึง 1.6 เท่า ผู้ใช้จึงได้เพลิดเพลินไปกับคุณภาพของภาพมุมมองจริงแบบอัพเกรดที่ลดสีเท็จและเพิ่มความละเอียด
นักถ่ายทำสามารถบันทึกวิดีโอที่ 4K 60p 10-bit 4:2:2 ต่อเนื่องได้นานกว่า 1 ชั่วโมงด้วยโครงสร้างที่เอื้อต่อการกระจายความร้อนของกล้อง การป้องกันภาพสั่นไหว “Active Mode”5 แบบออปติคอลช่วยให้ถ่ายวิดีโอได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แล้วก็ยังได้สัมผัสกับประสบการณ์ใช้งานทัชพาเนลแบบพับเปิดด้านข้าง 3.0-Type ที่ความละเอียด 1.03 ล้านพิกเซล (ประมาณ), ปุ่ม REC บนแผงด้านบน และแบตเตอรี่ซีรีส์ Z ความจุสูง
ตัวกล้อง Alpha 7 IV ประกอบขึ้นมาจากแมกนีเซียมอัลลอยด์เพื่อความทนทานโดยที่ลดน้ำหนักไปพร้อมกัน ขณะที่โครงสร้างและปุ่มล็อกเลนส์ที่ออกแบบมาใหม่ก็เอื้อต่อการป้องกันฝุ่นและความชื้นอีกเช่นกัน6
ความสามารถในการจัดการเวิร์กโฟลว์ปรับปรุงใหม่
ตัวเลือกในการเชื่อมต่อหลากหลายทางของ Alpha 7 IV ช่วยให้สตรีมและแชร์เนื้่อหาคุณภาพสูง ณ สถานที่นั้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการสื่อสารทางไกลที่เพิ่มสูงขึ้นได้แบบเรียลไทม์ โดยไม่กระทบคุณภาพของภาพและเสียงชั้นเลิศแม้แต่น้อย คุณสามารถเชื่อมต่อระหว่างกล้องและแอปพลิเคชันบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ Imaging Edge Mobile™7 ได้อย่างง่ายดายผ่านบลูทูธ อีกทั้งยังถ่ายโอนข้อมูลได้รวดเร็วผ่าน 5 GHz/2.4 GHz Wi-Fi
นอกจากนี้ กล้องยังมีคุณสมบัติชื่อว่า “Shot Mark” เพื่อให้เข้าถึงฉากที่ทำเครื่องหมายไว้ในวิดีโอคลิปได้ง่ายๆ ภายในกล้องและบนแอปพลิเคชัน Catalyst Browse/Prepare ของ Sony
ยิ่งไปกว่านั้น ตัวกล้องก็เพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติใหม่มากมายเพื่อรองรับ Live Streaming และการสื่อสารทางไกลโดยไม่ต้องใช้ซอฟต์แวร์เฉพาะ UVC (USB Video Class) และ UAC (USB Audio Class) เปลี่ยนให้ Alpha 7 IV เป็นกล้องสำหรับ Live Streaming ประสิทธิภาพสูงเมื่อเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟน คุณภาพของภาพสูงเช่นในระดับ 4K 15p และ 1080 FHD 60p นำเสนอวิดีโอสมจริงสำหรับแชร์ทางไกล และอินเทอร์เฟซเสียงดิจิตอลของ Alpha 7 IV ก็สามารถจับคู่กับไมค์และอุปกรณ์เสริมประเภทต่างๆ เพื่อถ่ายทอดเสียงคุณภาพสูงด้วย
ออกแบบโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม
แผนการดูแลสิ่งแวดล้อมของ Sony ตาม "Road to Zero" ระบุไว้ว่าสิ่งแวดล้อมนั้นเป็นปัจจัยสำคัญต่อการพัฒนาดีไซน์ การผลิต และบรรจุภัณฑ์ของ Alpha 7 IV กล้องของเราใช้พลาสติกรีไซเคิล SORPLAS™ ซึ่งไม่ได้อาศัยทรัพยากรชนิดทดแทนไม่ได้และผ่านการผลิต ณ โรงงานโดยใช้พลังงานชนิดทดแทนได้ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ นอกจากนี้บรรจุภัณฑ์ยังเลือกใช้วัสดุชนิดใช้พลาสติกลดลงและรีไซเคิลได้ด้วย
HVL-F60RM2 และ HVL-F46RM: แฟลชประสิทธิภาพสูงเพื่อวิวัฒนาการแห่งระบบแสงไฟ Alpha
HVL-F60RM2 พร้อม GN 60 กับสมรรถนะรูรับแสง 20-200 มม.8 และ HVL-F46RM พร้อม GN 46 กับสมรรถนะรูรับแสง 24-105mm8 เป็นไฟแฟลชแบบไร้สายอันแบบทรงพลังที่ช่วยให้ควบคุมได้อย่างแม่นยำ ยกระดับความเร็วสูง และใช้งานได้ง่ายดาย รวมทั้งได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทั้งความต้องการของคอนเทนต์ครีเอเตอร์มืออาชีพและมือฉมังเมื่อถ่ายทำด้วยกล้อง Sony Alpha รวมถึง Alpha 7 IV เพื่อมอบระบบแสงไฟ Alpha ขั้นสุดยอดผ่านระบบแฟลชและกล้องที่สื่อสารกำลังกันอย่างละเอียด
แฟลชทั้ง 2 ตัวมีประสิทธิภาพการถ่ายภาพต่อเนื่องแบบอัพเกรดใหม่ถึง 200 ครั้งที่ 10 เฟรม/วินาที9 สำหรับ HVL-F60RM2 และ 60 ครั้งสำหรับ HVL-F46RM อัลกอริทึมแฟลชแบบปรับประสิทธิภาพแล้วนี้การันตีได้ว่าแฟลชทั้ง 2 ตัวจะทนทานต่อความร้อนและแบตเตอรี่ Ni-MH (Nickel-Metal Hydride - นิกเกิล-เมทัลไฮไดรด์) 4 ก้อนให้พลังงานได้สูงถึง 240 แฟลชในเวลารีไซเคิล 1.7 วินาทีสำหรับ HVL-F60RM2 และสูงถึง 320 แฟลชในเวลารีไซเคิล 2.0 วินาทีสำหรับ HVL-F46RM10
เมื่อใช้ร่วมกับกล้อง Alpha แล้ว ผู้ใช้จะได้เห็นว่าระบบแสงไฟ Alpha มาพร้อมกับประโยชน์ด้านการสื่อสารและฟังก์ชันภายในอันไม่เหมือนใครอย่างไร เช่น Alpha 7 IV ช่วยให้กล้องสามารถวัดแสงควบคุมแฟลชสำหรับทุกเฟรมในโหมด Mid และ Hi ต่อเนื่องได้นอกเหนือจากโหมด Lo ต่อเนื่อง นอกจากนี้เวลาหน่วงในการเปิดแฟลชก็ลดลงด้วย เพื่อจับภาพอารมณ์บนใบหน้าและการเคลื่อนไหวของคนในช่วงเวลาอันสั้นได้
Alpha 1 ช่วยให้ HVL-F60RM2 ถ่ายภาพต่อเนื่องอย่างเหลือเชื่อได้ถึง 20 เฟรม/วินาที11 และสามารถเปิดแฟลชได้ประมาณ 20 ครั้งเป็นเวลานานกว่า 10 นาทีด้วยตัวอะแดปเตอร์แบตเตอรี่แฟลชภายนอก FA-EBA1 เมื่อใช้ FA-EBA1 กับแฟลชของ Sony รวมถึง HVL-F60RM2 กับ HVL-F46RM ผู้ใช้จะซิงค์ความเร็วชัตเตอร์ได้ถึง 1/400 วินาทีเพื่อขยายขอบเขตความสามารถในการถ่ายทอดอารมณ์เมื่อถ่ายทำในโหมดฟูลเฟรม ยิ่งไปกว่านั้น ชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์แบบไร้เสียงของกล้องก็ช่วยให้ถ่ายภาพด้วยแฟลชแบบไม่มีเสียงได้เมื่อต้องอาศัยความเงียบสงัดที่สุด
ประโยชน์อื่นของระบบ HVL-F60RM2 และ HVL-F46RM พร้อมกับกล้อง Alpha มีดังนี้
•พารามิเตอร์แฟลชแบบควบคุมได้จากเมนูของกล้องที่เข้ากันได้โดยตรง12
•การควบคุมแฟลชลิงก์กับการตรวจจับใบหน้าของกล้อง12
•การแก้ไขสมดุลแสงสีขาวอัตโนมัติโดยอิงตามข้อมูลอุณหภูมิของสีจากแฟลช
นอกจากนั้น แฟลชทั้ง 2 ตัวยังออกแบบมาเพื่อความทนทานสูงและใช้งานง่ายกว่าเคย ตัวยึดหลายอินเทอร์เฟซพร้อมขาติดตั้งโลหะเฉพาะตัวของ Sony ที่มีเฟรมข้างทนทานนี้จะช่วยเพิ่มความพร้อมรับแรงและความน่าเชื่อถือได้อย่างมากทีเดียว ตัวซีลตัวยึดจะช่วยให้แฟลชป้องกันฝุ่นและความชื้นได้มากขึ้น13 กลไกหัวหมุนเดิมของ HVL-F60RM2 “Quick Shift Bounce” ที่ช่วยให้จัดตำแหน่งได้ยืดหยุ่นและควบคุมแสงได้เหมาะเจาะนี้ก็ได้รับการปรับปรุงเพื่อป้องกันการเปลี่ยนแปลงมุมสะท้อน (Bounce) โดยไม่ได้ตั้งใจ
ผลิตภัณฑ์นี้รองรับการสื่อสารทางวิทยุแบบไร้สายและควบคุมแฟลชและ/หรือหน่วยรับสัญญาณได้มากถึง 15 ตัวใน 5 กลุ่มผ่านการสื่อสารทางวิทยุแบบไร้สายเพื่อความคล่องตัวในการควบคุมแสงไฟขั้นสูงไปอีกขั้น
ความพร้อมจำหน่าย
Alpha 7 IV จะวางจำหน่ายตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2021 ในบางประเทศภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก หากต้องการดูข้อมูลและรายละเอียดสเปคโดยครบถ้วน โปรดไปที่: https://www.sony.co.th/th/electronics/interchangeable-lens-cameras/ilce-7m4
กล้องยังเข้ากันได้กับ =Software Development Kit (SDK) รีโมทกล้องด้วย
แฟลช HVL-F60RM2 จะวางจำหน่ายตั้งแต่เดือนตุลาคม 2021 ในบางประเทศภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
แฟลช HVL-F46RM จะวางจำหน่ายตั้งแต่เดือนตุลาคม 2021 ในบางประเทศภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
เกี่ยวกับโซนี่ อิเล็กทรอนิกส์ เอเชีย แปซิฟิค พีทีอี ลิมิเต็ด
Sony Electronics Asia Pacific Pte. Ltd. เป็นบริษัทสาขาของ Sony Corporation ที่ตั้งอยู่ในประเทศสิงคโปร์ ทำหน้าที่เป็นสำนักงานใหญ่ด้านการตลาดและการจัดการระดับภูมิภาค เพื่อให้บริการผู้บริโภคของ Sony ตลอดจนกระจายข่าวสารและผลิตภัณฑ์ระดับมืออาชีพ โดยจะดูแลภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการของ Sony ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้ที่เว็บไซต์ www.sony-asia.com
เกี่ยวกับโซนี่ คอร์ปอเรชั่น
Sony Corporation มีหน้าที่รับผิดชอบในธุรกิจผลิตภัณฑ์อิเลกทรอนิกส์และโซลูชัน (Electronics Products & Solutions หรือ EP&S) ใน Sony Group จากวิสัยทัศน์ที่ว่า “ส่งมอบ Kando และ Anshin ให้กับผู้คนและสังคมทั่วโลกอย่างต่อเนื่องผ่านการแสวงหาเทคโนโลยีและความท้าทายใหม่ๆ” Sony จึงจะสรรค์สร้างผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ สำหรับความบันเทิงภายในบ้านและการสื่อสารด้วยวิธีการต่างๆ ไม่ว่าจะด้วยเสียง ภาพ หรือผ่านมือถือก็ตาม ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: www.sony.net
หากมีคำถามด้านสื่อ โปรดติดต่อ:
Hamzah Brown
BlueCurrent for Sony Electronics
ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและสิงคโปร์
โทร: +65 6671 4707
อีเมล: SNG.Sony@bluecurrentgroup.com
Melanie Shum
Sony Electronics Asia Pacific
อีเมล: Melanie.Shum@sony.com